กีฬาวัวชน หรือ ชนวัว โดยส่วนใหญ่นั่น วัวชนที่นำมาเข้ามาในการแข่งขันมักจะเป็น วัวพันธุ์ไทย โดยเฉพาะ ซึ่งเจ้าของจะเป็นผู้ผสมพันธุ์วัวชนของตัวเอง และหลังจากนั้นจะคัดเลือกวัวลูกคอกที่มีลักษณะดีเพื่อนำมาเป็นวัวชน วัวที่ถูกเลือกมาเป็นวัวชนจะมีอายุได้ราวๆ 4 – 6 ปี ไม่เกินไปกว่านี้ โดยจะจัดว่าอยู่ในวัววัยหนุ่ม ที่มีกำลังถึกเต็มที่ เหมาะที่จะนำมาชน
พันธุ์วัวชน ที่นิยมใช้มากที่สุด จะเป็นโคพันธุ์พื้นเมืองของทางภาคใต้ เพราะโคพื้นเมืองภาคใต้นั้นจะมีลักษณะรูปร่างที่กะทัดรัด ลำตัวเล็ก ขาเรียวเล็ก ยาว เพศผู้มีหนอกขนาดเล็ก มีเหนียงคอ แต่ไม่หย่อนยานมาก หูเล็ก หนังใต้ท้องเรียบ มีกล้ามเนื้อหน้าอก กล้ามเนื้อตะโพก และมีสัญชาตญาณดุดันเมื่อเห็นตัวผู้ต่างฝูง ส่วนของสีนั้นไม่แน่นอน เช่น สีแดงอ่อน เหลืองอ่อน ดำ ขาวนวล น้ำตาลอ่อนและอาจมีสีประรวมอยู่ด้วย เพศผู้ปกติโตเต็มที่หนักประมาณ 300-350 ก.ก.(เมื่อเข้าฝึกเป็นวัวชน ตัวผู้อาจมีน้ำหนักถึง 500 ก.ก.) เพศเมีย 200-250 ก.ก.

ข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี
- เลี้ยง ง่าย หากินเก่ง ไม่เลือกอาหารเพราะผ่านการคัดเลือกแบบธรรมชาติในการเลี้ยง แบบไล่ต้อนโดยเกษตรกร และสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเลี้ยงโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดใน พื้นที่ได้เป็นอย่างดี
- ให้ลูกดก ส่วนใหญ่ให้ปีละตัว เพราะเกษตรกรคัดแม่โคที่ไม่ให้ลูกออกอยู่เสมอ
- ทนทานต่อโรคและแมลงและสภาพอากาศในบ้านเราได้ดี
- ใช้แรงงานได้ดี
- แม่ โคพื้นเมืองเหมาะที่จะนำมาผสมพันธุ์กับพ่อพันธุ์หรือผสมเทียมกับพันธุ์อื่น เช่น บราห์มัน โคพันธุ์ตาก โคกำแพงแสน หรือ โคกบินทร์บุรี
- มีเนื้อแน่น เหมาะกับการประกอบอาหารแบบไทย
- กล้ามเนื้อหน้าอก กล้ามเนื้อตะโพกใหญ่และสร้างมัดกล้ามเนื้อเหล่านี้ได้ง่าย
- ลำตัวสั้น อาหารที่กินเข้าไปถูกนำไปใช้เพื่อขยายพื้นที่กล้ามเนื้อ และความหนาของลำตัวเป็นส่วนใหญ่
- มีจิตใจฮึกเหิม ดุ เมื่อถูกยั่วยุจากโคเพศเดียวกัน
ข้อเสีย
- เป็นโคขนาดเล็ก เพราะถูกคัดเลือกมาในสภาพการเลี้ยงที่มีอาหารจำกัด
- ไม่เหมาะที่จะนำมาเลี้ยงขุน เพราะมีขนาดเล็กไม่สามารถทำน้ำหนักซากได้ตามที่ตลาดโคขุนต้องการ คือ ที่น้ำหนักมีชีวิต450 ก.ก. และเนื้อไม่มีไขมันแทรก
- เนื่องจากแม่โคมีขนาดเล็กจึงไม่เหมาะสมที่จะผสมกับโคพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ เช่น ชาร์โลเล่ย์ และซิมเมนทัล เพราะอาจมีปัญหาการคลอดยาก